สำหรับคอกาแฟคงไม่มีอะไรจะดีไปกว่าการได้ลิ้มรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ พร้อมกับกลิ่มหอมๆ ของกาแฟสักแก้วในยามเช้าของวัน แล้วคุณรู้หรือไม่ว่าในวันที่ 1 ตุลาคม ได้ถูกจัดเป็นวันกาแฟสากล วันที่เหล่าคอกาแฟทั่วโลกจะออกมาดื่มฉลองให้กับเครื่องดื่มสุดโปรด นอกจากกลิ่นหอมและรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ของกาแฟแล้วก็ยังมีสารอื่น ๆ อย่างคาเฟอีนและสารต้านอนุมูลอิสระที่ดีต่อร่างกายอีกด้วย แต่หนึ่งในความลับของการดื่มกาแฟให้ได้ประโยชน์ที่ใครหลายคนอาจไม่รู้ก็คือ ‘ระดับการคั่วของกาแฟ’ ที่จะส่งผลต่อสารสำคัญภายในเมล็ดกาแฟที่จะส่งผลต่อร่างกายของเรานั่นเอง
การคั่วกาแฟ คือ การนำเมล็ดกาแฟดิบ (Green bean) ไปทำการคั่วโดยผ่านความร้อนที่ระดับต่าง ๆ ตามเวลา โดยระดับการคั่วกาแฟแบ่งเป็น 3 ระดับ ดังนี้
1. กาแฟคั่วเข้ม (Dark roast coffee)
การคั่วเข้มจะใช้เวลาในการคั่วนานที่สุด ทำให้เมล็ดกาแฟมีสีที่เข้มจนเกือบดำและมีน้ำมันกาแฟออกมาเคลือบบนผิวเมล็ดมาก รสชาติเปรี้ยวหวานจะหายไปทั้งหมด กลิ่นจะออกมีติดกลิ่นไหม้เล็กน้อย คาราเมลแบบสโมคๆ บอร์ดี้กาแฟจะหนักแน่น สีกาแฟจะออกมาชัด มีกลิ่นหอมชัดเจน จึงเหมาะคนที่ชอบกาแฟแบบเข้มและเมนูกาแฟที่ผสมนมเพราะจะได้กาแฟคั่วที่มีรสชาติเข้มข้น อร่อย หอมกลิ่นกาแฟแบบเต็มๆ
2. กาแฟคั่วกลาง (Medium roast coffee)
เป็นการคั่วให้เมล็ดกาแฟมีสีที่เข้มขึ้นและทำให้ผิวของกาแฟเป็นมันเล็กน้อย รสชาติของกาแฟที่ได้จะมีความเข้มข้นปานกลางโดยจะให้รสชาติขมอมหวานและเปรี้ยวอยู่เล็กน้อย สามารถนำไปทำได้ทั้งเมนูแบบเย็นและร้อน ซึ่งเป็นระดับการคั่วกาแฟที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก
3. กาแฟคั่วอ่อน (Light roast coffee)
การคั่วอ่อนนั้นคือการให้เมล็ดกาแฟผ่านความร้อนไม่มาก เมล็ดกาแฟจะมีสีน้ำตาลอ่อนคล้ายอบเชยและไม่มีน้ำมันออกมามากเท่าไหร่ กาแฟคั่วระดับอ่อน ส่วนใหญ่จะมีรสชาติเปรี้ยว กลิ่นหอมผลไม้ ไม่เข้มจนเกินไป ทำให้รู้สึกสดชื่นเวลาดื่ม ซึ่งการคั่วอ่อนสามารถทำได้ทั้งกาแฟร้อนและเย็น แต่ถ้าจะทำในรูปแบบเย็นอาจจะต้องปริมาณน้ำตามความเหมาะสมของสายพันธุ์กาแฟ
โดยจากการศึกษาต่าง ๆ พบว่ากาแฟนั้นมีสารต้านอนุมูลอิสระอย่าง “กรดคลอโรจินิก” แต่จะพบได้มากในกาแฟคั่วอ่อนและคั่วกลาง เพราะเมื่อผ่านความร้อนสารต้านอนุมูลอิสระตัวนี้จะสลายตัวไป แต่ในทางตรงกันข้ามพบว่ากาแฟที่ผ่านการคั่วเข้มจะช่วยเพิ่มการทำงานของ “กลูตาไธโอน” , และการทำงานของ “วิตามิน อี” ซึ่งเป็นสารสำคัญในการต้านอนุมูลอิสระของร่างกาย รวมถึงในกาแฟยังมีสารที่ช่วยให้เราตื่นตัวอย่าง “คาเฟอีน” อีกด้วย โดยวิธีการดื่มกาแฟเพื่อให้มีสุขภาพดีนั้นก็สามารถทำตามได้ง่าย ๆ ดังนี้
1. ปริมาณที่เหมาะสมในการดื่มกาแฟ คือ ไม่เกินวันละ 3 – 4 แก้วหรือได้รับคาเฟอีนไม่เกิน 300 มิลลิกรัมต่อวัน
2. เลือกดื่มกาแฟหวานน้อย โดยเลือกเป็น “กาแฟดำ” จะดีที่สุด หรือถ้าชอบเป็นเมนูกาแฟนมหรือลาเต้ก็ยังสามารถดื่มได้ แต่อย่าลืมลดปริมาณน้ำตาลลงเพื่อควบคุมพลังงานและสุขภาพที่ดี
3. ดื่มกาแฟพร้อมอาหารว่างที่ดี เช่น แซนวิชทูน่า ผลไม้ โยเกิร์ตไขมันต่ำ เป็นต้น เพราะจะช่วยชะลอการดูดซึมคาเฟอีนให้เข้าสู่กระแสเลือด และเพื่อให้ได้รับสารอาหารอื่น ๆ ได้แก่ คาร์โบไฮเดรต โปรตีน ไขมัน วิตามินและแร่ธาตุอย่างครบถ้วน
การดื่มกาแฟในปริมาณที่เหมาะสมหรือไม่เกิน 3 – 4 แก้วต่อวันอย่างเป็นประจำ นอกจากจะช่วยให้สดชื่น ตื่นตัว ยังให้ผลดีต่อสุขภาพในด้านอื่น ๆ อีกด้วย เพราะเราจะได้รับสารต้านอนุมูลอิสระที่อยู่ในกาแฟ ซึ่งจะช่วยชะลอวัย ลดการอักเสบ ช่วยในการทำงานของภูมิคุ้มกัน และนอกจากนี้กาแฟยังมีประโยชน์อื่น ๆ เช่น
1. สมองตื่นตัว ลดความเหนื่อยล้า เพราะคาเฟอีนในกาแฟจะช่วยกระตุ้นการหลั่งของ โดพามีน (Dopamine) ซึ่งเป็นสารที่จะให้เราตื่นตัว ลดความเครียดและความเหนื่อยล้าของสมอง ซึ่งนี่ก็เป็นอีกหนึ่งในประโยชน์ของกาแฟที่ทำให้กาแฟเป็นเครื่องดื่มที่ได้รับความนิยม
2. ช่วยเพิ่มระดับฮอร์โมนอะดรีนาลิน การดื่มกาแฟจะทำให้ระดับอะดรีนาลินสูงขึ้นทำให้ร่างกายพร้อมกับการตอบสนองต่าง ๆ รอบตัว มีประสิทธิภาพในการทำงานสูงขึ้นและใช้พลังงานมากขึ้นทำให้เราสามารถเบิร์นพลังงานมากขึ้นอีกด้วย
3. ช่วยเพิ่มความจำ เพราะการดื่มกาแฟที่มีคาเฟอีนอยู่นั้นจะช่วยให้เราตื่นตัวและมีสมาธิในการทำงานและมีผลช่วยเพิ่มความจำได้โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเช้า อีกทั้งยังพบว่าการดื่มกาแฟที่มีคาเฟอีนยังมีส่วนช่วยป้องกันการเกิดโรคอัลไซเมอร์ได้
4. เบิร์นไขมัน ควบคุมน้ำหนัก เพราะการดื่มกาแฟคั่วจะช่วยเพิ่มเพิ่มการสลายไขมัน เพิ่มอุณภูมิของร่างกายทำให้มีการใช้พลังงานมากขึ้น และหากดื่มก่อนการออกกำลังกายยังช่วยให้ร่างกายลดการสลายไกลโคเจนหรืออาหารที่ร่างกายสะสมไว้ในรูปของคาร์โบไฮเดรต และยังช่วยให้มีสมาธิในการออกกำลังกายเพิ่มขึ้นอีกด้วย
5. หัวใจแข็งแรง ถึงแม้กาแฟจะทำให้หัวใจเต้นเร็วขึ้น แต่จากการศึกษาพบว่าการดื่มกาแฟที่มีคาเฟอีนจะมีส่วนช่วยในการสดความเสี่ยงของเสียชีวิตจากโรคหัวใจและหลอดเลือด รวมถึงลดความเสี่ยงของการเกิดภาวะหัวใจล้มเหลวได้ ทั้งนี้อาจจะเป็นผลเฉพาะในกลุ่มคนที่กินกาแฟเป็นประจำอยู่แล้ว
เมื่อรู้จักประโยชน์ของกาแฟแบบนี้แล้ว ลองให้กาแฟเป็นเครื่องดื่มแก้วโปรดในช่วงเช้าหรือบ่ายได้ โดยสามารถเลือกดื่มกาแฟคั่วไม่ว่าจะเป็นระดับการคั่วกาแฟแบบเข้ม กลาง หรืออ่อนตามความชอบ จากผลิตภัณฑ์กาแฟที่ผลิตจากจากเมล็ดกาแฟคั่วบดละเอียดคุณภาพดี มีกลิ่นหอมกรุ่น ให้รสชาติกลมกล่อมที่มีน้ำตาลน้อยหรือไม่มีน้ำตาล และพยายามควบคุมปริมาณน้ำตาลให้อยู่ในปริมาณที่เหมาะสมโดยไม่เติมนมข้นหวานเพิ่มอีก รวมถึงควรดื่มในปริมาณที่เหมาะสมคือไม่เกินวันละ 3 – 4 แก้ว หรือได้รับคาเฟอีนไม่เกิน 300 มิลลิกรัม นอกจากนี้ควรดูแลร่างกายให้แข็งแรงด้วยการเลือกกินอาหารที่มีประโยชน์ หมั่นออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ และการดูแลจิตใจให้แจ่มใสในแบบ #3อ.มีสไตล์ คลิก ที่ไม่ว่าคุณจะมีไลฟ์สไตล์แบบไหนก็สามารถเริ่มต้นดูแลสุขภาพตัวเองด้วยวิธีที่ลงมือทำตามได้ง่ายๆ