โรงคั่วกาแฟคือ หัวใจสำคัญในการสร้างสรรค์กาแฟเบลนด์ที่นุ่มนวลและมีเสน่ห์ โดยเมล็ดกาแฟที่คัดสรรมาอย่างดีจากแหล่งต่าง ๆ จะถูกส่งมายังโรงคั่ว และถูกคั่วก่อนนำไปบดเพื่อทำกาแฟ
ผู้คั่วกาแฟต้องจัดหาเมล็ดกาแฟจากการซื้อขายผ่านคลังสินค้าและแคตตาล็อก หรือซื้อขายโดยตรงจากเกษตรกร เป็นวิธีที่นิยมในการคัดสรรเมล็ดกาแฟที่ดีที่สุด การคั่วกาแฟถือเป็นศิลปะที่ต้องอาศัยความรู้และประสบการณ์ขั้นสูงในการสร้างโปรไฟล์การคั่วที่เหมาะสม ระหว่างการคั่วกาแฟต้องได้รับการควบคุมอย่างใกล้ชิด และใช้หลักการเกี่ยวกับการถ่ายเทความร้อนและการควบคุมอุณหภูมิ เพื่อให้ได้มาตรฐานสูงสุดในด้านคุณภาพและรสชาติ จนได้ออกมาเป็นเมล็ดกาแฟคั่ว
วัฒนธรรมการคั่วกาแฟ ในยุคปฏิวัติอุตสาหกรรม เครื่องคั่วกาแฟในยุคแรกใช้ถังขนาดใหญ่ที่วางเหนือแหล่งความร้อนและใช้ไม้หรือถ่านเป็นเชื้อเพลิง ต่อมาก๊าซเริ่มเป็นที่นิยมและกลายเป็นแหล่งความร้อนหลักอย่างรวดเร็ว
เครื่องคั่วแบบลูกกลิ้งที่มีแนวคิดจากศตวรรษที่ 19 ยังคงถูกใช้ในการออกแบบเครื่องคั่วปัจจุบัน ในทศวรรษ 1970 เครื่องคั่วแบบ Fluid-Bed หรือเครื่องคั่วลมร้อนเริ่มมีบทบาท โดยการบังคับอากาศผ่านตะแกรงใต้เมล็ดกาแฟเพื่อยกเมล็ดขึ้นและถ่ายเทความร้อน ทำให้เมล็ดหมุนไปมา แม้เครื่องคั่วนี้จะให้การคั่วที่แม่นยำ แต่ไม่สามารถให้คุณภาพการคั่วที่สม่ำเสมอได้ จึงไม่ค่อยได้รับความนิยม
โดยรวมแล้ว เมล็ดกาแฟจะเปลี่ยนแปลงในทุกระดับระหว่างการคั่ว โดยเฉพาะสีที่เปลี่ยนจากเขียวอมเทาเป็นเหลืองเข้ม และกลายเป็นสีน้ำตาลเข้มเมื่อกรดอะมิโนและน้ำตาลรวมตัวกันภายใต้ความร้อน เกิดเป็นสารที่เรียกว่าเมลานอยดิน ยิ่งคั่วนาน เมล็ดก็จะยิ่งเข้มและได้รสชาติที่เข้มข้นขึ้น การคั่วจึงแบ่งเป็น คั่วอ่อน คั่วกลาง และคั่วเข้ม
ปัจจุบันมีความรู้เกี่ยวกับการคั่วมากขึ้น ทำให้เราสามารถสร้างรสชาติพิเศษได้ โรงคั่วกาแฟใช้เทคโนโลยีที่ดีกว่าในการวัดตัวแปรต่าง ๆ เช่น การอ่านอุณหภูมิเมล็ดกาแฟ ซึ่งช่วยให้การคั่วมีประสิทธิภาพและสม่ำเสมอมากขึ้น