คำค้นหายอดนิยม
You are signed out

ค้นหาความลงตัวที่ใช่ไปกับรสชาติและความเข้มข้นของกาแฟ

สำหรับคอกาแฟแล้ว การเข้าใจความต้องการ และความชอบในการว่าตัวเองชอบกาแฟแบบไหนและเพราะอะไร จะสามารถช่วยให้คุณได้ดื่มด่ำกับกาแฟแก้วโปรดมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อต้องเลือกซื้อกาแฟที่ใช่สำหรับคุณ
coffee

การคั่วส่งผลต่อรสชาติกาแฟอย่างไร?

รสชาติของกาแฟแต่ละแก้วจะขึ้นอยู่กับกระบวนการคั่ว ตั้งแต่การคัดสรรคุณภาพของเมล็ดกาแฟสด ที่จะต้องมีสีเขียวและมีกลิ่นสดชื่นของหญ้า โดยในกระบวนการคั่วเมล็ดกาแฟนั้น จะมีการพัฒนารูปแบบการคั่วที่แตกต่างกัน และนักคั่วกาแฟผู้เชี่ยวชาญจะทำการคั่วเมล็ดกาแฟแต่ละชนิดอย่างพิถีพิถัน เพื่อให้แน่ใจว่ากาแฟแต่ละแก้วรสชาติจะยังคงอร่อยคงที่เหมือนที่เคยดื่มมา โดยข้อเท็จจริงคือ ยิ่งคั่วเมล็ดกาแฟนานเท่าไร น้ำมันธรรมชาติก็จะยิ่งถูกปล่อยออกมาจากเมล็ดกาแฟมาก ทำให้กาแฟมีรสชาติที่เข้มข้นและขมมากขึ้น
Roasting coffee beans
รู้หรือไม่ว่า กาแฟสำเร็จรูปมีปริมาณคาเฟอีนน้อยกว่ากาแฟสด นั่นเป็นเพราะวิธีการชงที่แตกต่างกัน
ขั้นตอนการชงกาแฟสดนั้น ผงกาแฟจะสัมผัสกับน้ำเป็นเวลานานกว่า

ระดับความเข้มข้นของกาแฟ

กาแฟคั่วอ่อน (Light Roast Coffee)


โดยทั่วไปกาแฟคั่วอ่อนจะมีรสชาติที่เบากว่าและติดเปรี้ยวมากกว่า ซึ่งเกิดจากการคั่วเมล็ดกาแฟไม่นานมาก

กาแฟคั่วกลาง (Medium Roast Coffee)


กาแฟคั่วกลางจะมีรสชาติบอดี้กาแฟปานกลาง ค่อนไปทางนุ่มนวล ซึ่งทำให้เป็นที่นิยมเป็นอย่างมาก

กาแฟคั่วกลาง-เข้ม (Medium-Dark Roast Coffee)


สัมผัสรสชาติเข้มข้น แต่นุ่มลึก ด้วยการคั่วระดับกลาง-เข้ม ที่เมื่อดื่มจะได้ลิ้มรสชาติเข้ม และกลิ่นหอมของโกโก้จาง ๆ
Coffee roasting

กาแฟคั่วเข้ม (Dark Roast Coffee)


ระดับกาแฟคั่วเข้มจะให้รสชาติที่เข้มข้นและหนักแน่นขึ้นอีกระดับ รวมถึงมีกลิ่นหอมของโกโก้ และเนสกาแฟเราก็มีผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์คนที่ชอบกินกาแฟคั่วเข้ม อย่าง เนสกาแฟ เรดคัพ แบล็คโรตส์

กาแฟคั่วเข้มมาก (Very Dark Roast Coffee)


ระดับการคั่วกาแฟแบบเข้มมากที่สุด จะให้รสชาติที่ขมและเข้มข้นอย่างมาก เมล็ดกาแฟจะมีความเงาและดำเหมือนถูกคั่วจนไหม้

กาแฟคั่วเข้มมาก (Very Dark Roast Coffee)


ระดับการคั่วกาแฟแบบเข้มมากที่สุด จะให้รสชาติที่ขมและเข้มข้นอย่างมาก เมล็ดกาแฟจะมีความเงาและดำเหมือนถูกคั่วจนไหม้
roasted coffee beans

ปัจจัยที่ส่งผลต่อปริมาณคาเฟอีนในกาแฟ

มีปัจจัยบางอย่างที่ส่งผลต่อปริมาณคาเฟอีนในกาแฟ ลองมาดูกันดีกว่าว่าจะมีอะไรที่ส่งผลต่อปริมาณคาเฟอีนในกาแฟกันบ้าง

1. เมล็ดกาแฟ


ปัจจัยแรกที่มีอิทธิพลสำคัญที่สุดต่อปริมาณคาเฟอีนในกาแฟเริ่มต้นจากเมล็ดกาแฟ โดยสายพันธุ์หลัก ๆ ที่เป็นที่นิยมได้แก่
•อาราบิก้า (Arabica) สายพันธุ์กาแฟที่จะมอบรสชาตินุ่มนวล กลมกล่อม และมีกลิ่นหอม จึงทำให้เป็นที่นิยมดื่มกันมาก โดยมีปริมาณคาเฟอีนที่ไม่สูงมาก
•โรบัสต้า (Robusta) โรบัสต้าเหมาะสำหรับผู้ที่ชอบดื่มกาแฟแบบบอดี้เต็มรส ให้สัมผัสเข้มและขม

2. วิธีการบด

เรื่องที่สองคือ การบด รู้หรือไม่ว่ายิ่งบดเมล็ดกาแฟให้ละเอียดมากเท่าไร ในกาแฟก็จะยิ่งมีคาเฟอีนมากขึ้นเท่านั้น โดยกาแฟบดละเอียดเป็นพิเศษจะสกัดกาแฟได้ดีที่สุดและมีปริมาณคาเฟอีนมากที่สุด
• ละเอียดพิเศษ: เนื้อเนียนละเอียด และเบาบางคล้ายน้ำตาลไอซิ่ง
• ละเอียด: นุ่มและจะติดกันเมื่อกด มีลักษณะเหมือนเกลือที่บดละเอียด
• ละเอียดปานกลาง: เนื้อหยาบเกือบเหมือนทราย
• ขนาดกลาง : มีลักษณะร่วนคล้ายพีทมอส
• หยาบปานกลาง: ลักษณะร่วนคล้ายหินทราย
• หยาบ: ลักษณะคล้ายดินเหนียว
• หยาบพิเศษ: มีลักษณะดูเหมือนเปลือกหอยแตก

3. วิธีการชงกาแฟ


อัตราส่วนระหว่างกาแฟกับน้ำ และอุณหภูมิในการชงกาแฟ คือปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อปริมาณคาเฟอีน ยิ่งน้ำร้อนมากเท่าไร คาเฟอีนที่สกัดออกมาจากกาแฟก็จะยิ่งมากขึ้นเท่านั้น
arabica and robusta coffee bean
เมื่อพูดถึงเรื่องเกี่ยวกับกาแฟ การเข้าใจถึงความเข้มข้นและรสชาติกาแฟ
จะทำให้การดื่มกาแฟเป็นเรื่องที่น่ารื่นรมย์มากขึ้น
และทั้งหมดนี้คือคำแนะนำทั้งหมดเกี่ยวกับความเข้มข้นของกาแฟและรสชาติกาแฟ หากสนใจลิ้มลองรสชาติกาแฟประเภทต่าง ๆ ขอแนะนำผลิตภัณฑ์เนสกาแฟที่หลากหลายของเรา หรือหากต้องการดูสูตรเมนูกาแฟอื่น ๆ สามารถดูเพิ่มเติมได้เลย