กาแฟได้กลายเป็นเครื่องดื่มหลักในชีวิตประจำวันของเรา ดูเหมือนว่าทุกสิ่งทุกอย่างจะเริ่มต้นจากกาแฟรสเข้ม และหลายคนต่างก็เห็นพ้องต้องกันว่า การเริ่มต้นวันใหม่ด้วยการจิบกาแฟแก้วแรกทำให้รู้สึกตื่นตัว สดชื่น กระปรี้กระเปร่า แต่คนส่วนใหญ่ก็ไม่ทันเอะใจว่าเมล็ดกาแฟนั้นมาจากไหน?
หากคุณอยากรู้เกี่ยวกับเมล็ดกาแฟที่คุณชงดื่ม คุณมาถูกทางแล้ว เราได้รวบรวมคู่มือนี้เพื่อให้คุณได้รู้ข้อมูลทั้งหมดเกี่ยวกับเมล็ดกาแฟ ลองไปอ่านกันต่อเลยเพื่อจะได้ไขข้อข้องใจเกี่ยวกับความรู้เรื่องกาแฟ
เมล็ดกาแฟมาจากต้นกาแฟซึ่งเป็นไม้พุ่มยืนต้นที่สูงมาก (แต่โดยทั่วไปเกษตรกรมักจะตัดแต่งกิ่งอยู่ที่ประมาณ 5 ฟุต เพื่อความสะดวกในการเก็บเกี่ยวผลผลิต) ผลเชอรี่กาแฟจะเติบโตจากต้นกาแฟเหล่านี้ โดยแต่ละผลจะมีเมล็ดกาแฟสองเมล็ดอยู่ข้างใน
ซึ่งเป็นเมล็ดกาแฟที่มีมูลค่าต่อเกษตรกรมากที่สุด อายุเฉลี่ยโดยทั่วไปของต้นกาแฟจะอยู่ระหว่าง 30-40 ปี แต่อาจอยู่ได้นานมากกว่านั้นซึ่งขึ้นอยู่กับการดูแล! เมื่อผลกาแฟเริ่มสุกและพร้อมที่จะเก็บเกี่ยว ผลกาแฟจะเปลี่ยนเป็นสีแดง แต่จะต้องคอยสังเกตให้ดีว่าควรจะเก็บตอนไหน หากเก็บเร็วหรือช้าเกินไปอาจมีผลอย่างยิ่งต่อรสชาติในขั้นตอนสุดท้าย
ต้นกาแฟส่วนใหญ่ปลูกในบริเวณที่เรียกว่า “เดอะบีนเบลท์” ซึ่งเป็นบริเวณรอบเส้นศูนย์สูตรระหว่างเส้นทรอปิคออฟแคปริคอร์นและเส้นทรอปิกออฟแคนเซอร์ ที่นี่เป็นที่ตั้งเมืองหลวงเป็นแหล่งปลูกกาแฟระดับโลก เช่น บราซิล เวียดนาม [coffee capitals of the world such as Brazil, Vietnam] โคลอมเบีย อินโดนีเซีย และเอธิโอเปีย เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่มีความอุดมสมบูรณ์เหมาะกับการปลูกกาแฟซึ่งทำให้เจริญเติบโตได้ดี
ที่น่าสนใจก็คือพื้นที่ที่ปลูกเมล็ดกาแฟนั้นสามารถทำให้กาแฟเปลี่ยนรสชาติได้ สภาพแวดล้อมต่าง ๆ เช่น สภาพภูมิอากาศ ระดับความสูง และแม้แต่ชนิดของดินก็อาจส่งผลต่อรสชาติของเมล็ดกาแฟที่ผลิตออกมา
แน่นอน ต้นกาแฟมีมากมายหลากหลายกว่า 120 สายพันธุ์ แต่ละสายพันธ์ก็ให้ผลผลิตเมล็ดกาแฟที่แตกต่างกัน แต่กาแฟส่วนใหญ่ที่เราบริโภคมาจากสองสายพันธุ์เท่านั้นคือโรบัสต้า (หรือที่รู้จักกันในชื่อคอฟฟี่ โรบัสต้า หรือคอฟฟี่ คาเนโฟรา) หรืออาราบิก้า (คอฟฟี่ อาราบิก้า) หรือทั้งสองชนิดผสมกัน ทั้งสองสายพันธุ์แตกต่างกันที่รสชาติ สภาพการปลูก และราคา
เมล็ดกาแฟอาราบิก้าเป็นหนึ่งในประเภทที่ได้รับความนิยมมากที่สุด และเชื่อกันว่าเป็นหนึ่งในกาแฟสายพันธุ์แรก ๆ ที่เคยปลูกโดยใช้รากมาตั้งแต่ 1,000 ปีก่อนคริสตกาล โดยทั่วไปเมล็ดกาแฟจะมีรูปร่างเป็นวงรี มีรอยจีบตรงกลางเด่นชัด และมีขนาดใหญ่กว่าเมล็ดกาแฟโรบัสต้า
นักดื่มกาแฟต่างชื่นชอบเมล็ดกาแฟเหล่านี้ ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องรสชาติที่ให้ความรู้สึกสดชื่นและซับซ้อน มักจะมีรสชาติที่หวานละมุนกว่าด้วยโทนสีของผลไม้ ดอกไม้ ช็อกโกแลต และถั่ว แม้ว่าจะมีความเป็นกรดจะสูงกว่าก็ตาม
โดยทั่วไป เมล็ดกาแฟอาราบิก้ามีราคาแพงกว่าโรบัสต้า เป็นเพราะมีความซับซ้อนมากกว่า และต้องมีข้อกำหนดในการเพาะปลูกโดยเฉพาะมากกว่า เช่น สภาพอากาศ และระดับความสูงในการเจริญเติบโต โดยปกติแล้ว เมล็ดกาแฟอาราบิก้าจะปลูกที่ระดับความสูงระหว่าง 500 ม. ถึง 2,500 ม. เป็นกาแฟที่มีปริมาณคาเฟอีนต่ำ ปัจจุบันแถบลาตินอเมริกา โดยเฉพาะบราซิลเป็นผู้ผลิตกาแฟอาราบิก้ารายใหญ่ที่สุด
โดยทั่วไป โรบัสต้าจะปลูกในแอฟริกา เวียดนาม และอินโดนีเซีย โรบัสต้ามีระดับความเป็นกรดน้อยกว่ากาแฟอาราบิก้า ซึ่งหมายความว่ารสชาติจะหวานน้อยกว่า เพราะมีความเป็นกรดที่ปกติกว่า อีกทั้งส่วนผสมของรสชาติที่นุ่มลึกและเข้มข้นกว่า โรบัสต้าจะให้กลิ่นโทนไม้หรือยางไหม้ ซึ่งเป็นตัวเลือกยอดนิยมสำหรับเอสเปรสโซ เนื่องจากมีรสชาติเข้มข้นและชั้นโฟมหนานุ่ม
โรบัสต้าจะปลูกที่ระดับความสูงไม่เกิน 1,000 ม. และให้ผลผลิตเร็วกว่าอาราบิก้าซึ่งต้องใช้เวลาหลายปีกว่าผลจะแก่ อีกทั้งยังออกผลต่อต้นมากกว่า นอกจากนี้ ยังมีความเสี่ยงต่อศัตรูพืชและสภาพอากาศน้อยกว่า และนี่คือสาเหตุสำคัญว่าทำไมโรบัสต้าจึงมีราคาถูกกว่าอาราบิก้า อีกประการหนึ่งที่พึงทราบคือเมล็ดกาแฟโรบัสต้ามีปริมาณคาเฟอีนสูงกว่า
โดยทั่วไป เมล็ดกาแฟจากสายพันธุ์โรบัสต้ามีขนาดเล็กและกลมกว่าเมล็ดกาแฟอาราบิก้า มีสีอ่อนกว่า และรอยจีบตรงกลางเด่นชัดน้อยกว่า
เราอธิบายไว้อย่างชัดเจนว่า เราใช้เมล็ดกาแฟชนิดใดในผลิตภัณฑ์เนสกาแฟของเรา คุณจะเห็นข้อมูลนี้ในหน้าผลิตภัณฑ์ของเว็บไซต์นี้ กาแฟบางชนิดจะใช้เมล็ดกาแฟอาราบิก้าหรือโรบัสต้าเท่านั้น ในขณะที่กาแฟชนิดอื่น ๆ จะใช้เมล็ดกาแฟทั้งสองชนิดนี้ผสมกัน